วันนี้ฟินนี่อยากพาเพื่อนๆ มารู้จักกับ “การจัดสรรรายได้” หรือพูดง่ายๆ ว่า การจัดการเงิน ซึ่งถือเป็นเครื่องมือพื้นฐานสำหรับการเงินส่วนบุคคลและเป็นสิ่งที่จะช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายทางการเงิน มันคือแผนการที่ช่วยให้เพื่อนๆ จัดการเงินของตัวเองได้ โดยจะอาศัยการติดตามรายได้และค่าใช้จ่าย ทำให้เราตัดสินใจได้ว่าเราจะเอาเงินไว้สำหรับอะไร การสร้างและทำตามแผนที่เราตั้งจะช่วยให้เพื่อนๆ มีความมั่นคงทางการเงิน ลดความเครียด และช่วยให้คุณภาพชีวิตของเราดีขึ้นได้
ฟินนี่ต้องบอกว่า จริงๆ แล้ว การจัดสรรเงินของเรานั้นเกี่ยวข้องกับการวางแผนว่าเราจะใช้จ่ายเงินยังไง โดยคำนึงถึงรายได้ ค่าใช้จ่าย และเป้าหมายทางการเงิน ซึ่งมันจะเป็นขั้นตอนที่ง่ายหรือซับซ้อน ขึ้นอยู่กับความต้องการและความชอบของเรา กุญแจสำคัญคือการหาวิธีจัดสรรที่เหมาะกับตัวเราเองและช่วยให้เราติดตามการเงินของเราได้ เกริ่นมาเยอะแล้ว ฟินนี่ว่าเรามาดูกันดีกว่าว่าเทคนิคการจัดสรรรายได้ของเรานั้นมีอะไรบ้าง
พิเศษสุด!! วันนี้ฟินนิกซ์เรามี คอร์สหลักสูตรที่จะพาเพื่อนๆเข้าใจ บริหารเงินทั้งด้าน รายรับ รายจ่าย เงินออมและหนี้สินได้อย่างมีประสิทธิภาพ คลิกเลย วีดีโอสอนเทคนิคการจัดการเงินฉบับรวบรัด
1.) เขียนงบค่าใช้จ่ายส่วนตัว
ระบุแหล่งที่มาของรายได้ของเรา: เริ่มต้นด้วยการระบุแหล่งรายได้ทั้งหมดของเรา รวมถึงค่าจ้าง ค่าทิป รายได้จากการลงทุน และแหล่งรายได้อื่นๆ ที่เราอาจจะมี
จัดหมวดหมู่ค่าใช้จ่ายของเรา: จัดหมวดหมู่ค่าใช้จ่ายของเราออกเป็นกลุ่มต่างๆ เช่น ที่อยู่อาศัย อาหาร การเดินทาง และความบันเทิง วิธีนี้จะช่วยให้เราเห็นว่าเงินของเรากำลังจะไปที่ไหนและกลุ่มไหนที่เราอาจใช้จ่ายเกินตัว
ประเมินค่าใช้จ่ายของเรา: ประเมินค่าใช้จ่ายในแต่ละประเภทในแต่ละเดือน สิ่งนี้จะทำให้เราสามารถดูรูปแบบการใช้จ่าย โดยดูจากใบเรียกเก็บเงิน และใบเสร็จรับเงินที่ผ่านมาของเราได้
จัดสรรเงินของเรา: จัดสรรเงินของเราสำหรับแต่ละประเภทตามการประมาณการของเรา หากเราพบว่ามีเงินไม่พอใช้จ่ายทั้งหมด เพื่อนๆ อาจต้องปรับเปลี่ยน เช่น ลดรายจ่ายหรือหาวิธีเพิ่มรายได้
แผนการออมและการชำระหนี้: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้รวมการออมและการชำระหนี้ไว้ในแผนของเราแล้ว สิ่งนี้สามารถช่วยเราสร้างกองทุนฉุกเฉินและลดหนี้เมื่อเวลาผ่านไป
2.) ติดตามค่าใช้จ่าย
ติดตามการใช้จ่ายของเรา: ในการติดตามค่าใช้จ่ายของเรา เราอาจจะจดแบบใช้ปากกาและกระดาษ หรือใช้แอปจัดการเงิน สิ่งสำคัญก็คือการติดตามการใช้จ่ายของเราเป็นประจำ เช่น รายสัปดาห์หรือรายเดือน นั่นเอง
จัดหมวดหมู่ค่าใช้จ่ายของเรา: จัดหมวดหมู่ค่าใช้จ่ายของเราออกเป็นกลุ่มๆ เช่น ของใช้ อาหาร ความบันเทิง และการเดินทาง วิธีนี้จะช่วยให้เราเห็นว่าเงินของเรากำลังจะไปที่ไหนและกลุ่มไหนที่เราอาจใช้จ่ายเกินตัว
ตรวจสอบการใช้จ่ายของเรา: ตรวจสอบการใช้จ่ายของตัวเองเป็นประจำเพื่อดูว่าเราสามารถลดหรือเปลี่ยนแปลงในส่วนใดได้บ้าง ตัวอย่างเช่น เพื่อนๆ อาจพบว่าตัวเองใช้จ่ายมากเกินไปในการกินข้าวนอกบ้านและจำเป็นต้องลดการไปร้านอาหารของเรา
ปรับงบค่าใช้จ่ายของเรา: ใช้ข้อมูลการใช้จ่ายของเราเพื่อปรับงบของเราตามต้องการ หากเราพบว่าเราใช้จ่ายมากเกินไปในบางหมวดหมู่ เราอาจต้องปรับการจัดสรรค่าใช้จ่ายหรือหาวิธีลดค่าใช้จ่ายของเรา
3.) จัดการค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น
ระบุค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นของเรา: ค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นคือ ค่าใช้จ่ายที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ในแต่ละเดือน เช่น ค่าความบันเทิง ค่าอาหารนอกบ้าน และค่าช้อปปิ้ง เพื่อนๆ ควรระบุค่าใช้จ่ายประเภทนี้ของเราและจัดลำดับความสำคัญใหม่
กำหนดวงเงิน: กำหนดวงเงินสำหรับค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นแต่ละหมวดในงบส่วนตัวของเรา สิ่งนี้จะช่วยให้เราติดตามและหลีกเลี่ยงการใช้จ่ายที่มากเกินไปได้
หาวิธีลดค่าใช้จ่าย: หาวิธีลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นของเรา ตัวอย่างเช่น เราสามารถลดจำนวนครั้งที่เราทานอาหารนอกบ้านในแต่ละสัปดาห์ได้หรือไม่ หรือลดจำนวนการไปดูหนังในโรงได้ไหม หรือหาตัวเลือกความบันเทิงที่ไม่ใช้เงินเยอะ หรือใช้ต้นทุนต่ำ เช่น อาจจะดูรายการในโทรทัศน์ หรือ สมัครเน็ตฟลิกซ์รายเดือนแทน เพราะใช้เงินน้อยกว่าการไปดูหนังทุกสัปดาห์
ติดตามการใช้จ่ายของเรา: ติดตามค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นของเราเป็นประจำเพื่อดูว่าเราใช้จ่ายอยู่ในงบของเราไหม ถ้าพบว่าเราใช้จ่ายเกินตัวในบางหมวดหมู่ ก็ให้ปรับงบหรือหาวิธีลดค่าใช้จ่าย
4.) ติดตามเป้าหมายทางการเงิน:
กำหนดเป้าหมายสมาร์ท (SMART): สมาร์ทเป็นเทคนิคการกำหนดเป้าหมายเพื่อให้มีประสิทธิภาพที่สุด โดยการกำหนดเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจง วัดผลได้ สามารถทำได้จริง สอดคล้องกับความเป็นจริง และมีการกำหนดเวลาที่ชัดเจน สำหรับเป้าหมายทางการเงินของเพื่อนๆ ซึ่งอาจรวมถึงการออมเพื่อดาวน์บ้าน ชำระหนี้บัตรเครดิต หรือสร้างกองทุนฉุกเฉิน
สร้างแผนการทำจริงจัง: สร้างแผนการทำเพื่อให้ไปถึงเป้าหมายทางการเงินของเรา ซึ่งควรรวมถึงขั้นตอนเฉพาะที่เราต้องทำเพื่อให้ถึงเป้าหมาย เช่น เพิ่มรายได้หรือลดค่าใช้จ่ายในบางจุด
ติดตามความคืบหน้าของเรา: ติดตามความคืบหน้าสู่เป้าหมายทางการเงินอย่างสม่ำเสมอ วิธีนี้จะช่วยให้เราเห็นว่าเรามาไกลแค่ไหนและมีแรงบันดาลใจที่จะเดินหน้าต่อไป เพื่อนๆ อาจจะเช็กดูทุกสัปดาห์ก็ได้น้า
ปรับเปลี่ยนตามความจำเป็น: เมื่อสถานการณ์ของเพื่อนๆ เปลี่ยนไป เราอาจจะต้องปรับเปลี่ยนเป้าหมายหรือ แผน การจัดการเงิน นี่เป็นเรื่องปกติที่จะสามารถช่วยให้เราติดตามและบรรลุเป้าหมายได้
5.) ปรับงบรายรับ-รายจ่ายให้เหมาะสม:
ตรวจสอบงบของเราเป็นประจำ: ตรวจสอบงบของเราเป็นประจำเพื่อดูว่าเราอยู่ในลู่ทางที่จะพาเราไปถึงเป้าหมายทางการเงินของเราหรือไม่ วิธีนี้จะช่วยเรารู้ในส่วนที่เราอาจต้องทำการปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมขึ้น
ปรับเปลี่ยนตามความจำเป็น: หากเราพบว่าเราใช้จ่ายมากเกินไปในบางหมวด ให้ปรับการจัดงบหรือหาวิธีลดค่าใช้จ่ายของเรา หากรายได้ของเราเปลี่ยนแปลง เราอาจต้องปรับงบในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อให้สอดคล้องกับความเป็นจริงและสถานการณ์ของเรา
ทบทวนเป้าหมายของเรา: ทบทวนเป้าหมายทางการเงินของเราเป็นประจำเพื่อดูว่าเป้าหมายเหล่านั้นยังคงมีความเกี่ยวข้องและสามารถทำได้หรือไม่ หากไม่ใช่ ให้ปรับเปลี่ยนตามต้องการได้เลย
6.) ตัวช่วยสำหรับการจัดการรายได้:
แอปจัดการเงิน: มีแอปพลิเคชันจัดการเงินมากมายที่สามารถช่วยเราสร้างและติดตามการใช้จ่ายของเราได้แบบง่ายๆ เช่น แอปพลิเคชัน Spendee, Save money, Money Lover, Piggipo Go เป็นต้น
แหล่งข้อมูลออนไลน์: มีแหล่งข้อมูลออนไลน์มากมายที่สามารถช่วยให้เพื่อนๆ เรียนรู้เกี่ยวกับการจัดสรรรายได้และปรับปรุงความรู้ทางการเงินของเรา เช่น ศึกษาหาความรู้ด้านการเงินการลงทุน ผ่าน www.setinvestnow.com , www.scb.co.th/th/personal-banking/stories.html เป็นต้น
สุดท้ายนี้ ..
ฟินนี่อยากบอกว่าสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้เรามีความมั่นคงทางการเงินและบรรลุเป้าหมายทางการเงินของเรามากขึ้น โดยเพื่อนๆ อาจจะเริ่มจากการทำรายรับรายจ่ายก่อนก็ได้น้า แล้วดูว่าการใช้จ่ายเราเป็นยังไง จากนั้นค่อยปรับให้เหมาะสมกับเป้าหมายของเรา ฟินนี่เอาใจช่วยน้า แต่ถ้าตอนนี้ใครไม่ไหว หมุนเงินไม่ทัน อยากได้เงินไปลงทุน ก็มากู้เงินออนไลน์กับแอปฟินนิกซ์ได้น้า